สมาคมทันตกรรมรากเทียมแห่งประเทศไทย TADI

สมาคมทันตกรรมรากเทียมแห่งประเทศไทย (Thai Association of Dental Implantology – TADI) เป็นองค์กรวิชาชีพที่จัดตั้งขึ้นเพื่อส่งเสริมและพัฒนาวิชาการด้านทันตกรรมรากฟันเทียมในประเทศไทย สมาคมนี้มีบทบาทสำคัญในการสร้างมาตรฐานสูงสุดในด้านการฝังรากฟันเทียม เพื่อให้การรักษาที่เกี่ยวข้องกับรากฟันเทียมมีประสิทธิภาพ ความปลอดภัย และความสวยงามสำหรับผู้ป่วย

เป้าหมายหลักของ TADI คือการสนับสนุนทันตแพทย์ในการพัฒนาทักษะและความรู้ด้านการฝังรากฟันเทียม ผ่านการจัดการอบรม การประชุมวิชาการ และหลักสูตรพิเศษ นอกจากนี้ TADI ยังทำงานร่วมกับองค์กรวิชาชีพและสถาบันการศึกษาทั้งในและต่างประเทศ เพื่อเพิ่มความก้าวหน้าในด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมในการรักษารากฟันเทียม

สมาชิกของ TADI ประกอบด้วยทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการฝังรากฟันเทียม และมีความมุ่งมั่นในการพัฒนาและรักษามาตรฐานวิชาชีพให้สูงที่สุด เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาที่ปลอดภัยและมีคุณภาพ ในขณะเดียวกันก็ส่งเสริมให้ประชาชนทั่วไปมีความเข้าใจในด้านการฝังรากฟันเทียมมากยิ่งขึ้น

สมาคมทันตกรรมรากเทียมแห่งประเทศไทยถือกำเนิดมาจาก ชมรมทันตกรรมรากเทียมแห่งประเทศไทย ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี 2527 (1984) โดยกลุ่มทันตแพทย์ผู้บุกเบิกงานทันตกรรมรากเทียมในประเทศไทย ชมรมนี้ได้ดำเนินงานอย่างต่อเนื่องและมีการพัฒนาองค์กรและกิจกรรมต่างๆ ทำให้มีผู้สนใจเข้าร่วมเป็นสมาชิกเป็นจำนวนมาก ต่อมาในปี 2552 (2009) ชมรมได้จดทะเบียนเป็น สมาคมทันตกรรมรากเทียมแห่งประเทศไทย อย่างเป็นทางการ โดยมี นพ.ทพ.สมชาย เศรษฐศิริสมบัติ ดำรงตำแหน่งนายกสมาคมคนแรก

นับตั้งแต่ก่อตั้ง สมาคมฯ ได้ขยายกิจกรรมเพื่อพัฒนาและเผยแพร่ความรู้ทางด้านทันตกรรมรากเทียมแก่สมาชิกทันตแพทย์ เพื่อยกระดับศักยภาพและความสามารถของทันตแพทย์ไทยในการให้บริการทันตกรรมรากเทียมที่ได้มาตรฐานระดับสากล สมาคมฯ มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีการจัดการประชุมวิชาการประจำปีและการประชุมรากเทียมสัญจรในทุกภูมิภาคของประเทศไทย เพื่อเผยแพร่ความรู้และเทคโนโลยีทางทันตกรรมรากเทียมให้เข้าถึงทันตแพทย์ทั่วประเทศ

เพื่อให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางทางด้านทันตกรรมรากเทียมในภูมิภาคเอเชีย สมาคมฯ ได้ริเริ่มจัดงานประชุมวิชาการนานาชาติ Bangkok International Symposium of Implant Dentistry (BIS) ขึ้นที่กรุงเทพฯ โดยเริ่มครั้งแรกในปี 2553 (2010) แม้ว่าประเทศไทยจะอยู่ในช่วงวิกฤตการณ์ทางการเมือง แต่การประชุม BIS2010 กลับประสบความสำเร็จอย่างงดงาม มีผู้เข้าร่วมกว่า 500 คน และการประชุมครั้งต่อมาในปี BIS2012 มีผู้เข้าร่วมมากกว่า 700 คน จนถึงปี BIS2017 มีผู้เข้าร่วมมากกว่า 900 คน

สมาคมฯ ได้ขยายความร่วมมือกับสมาคมทันตกรรมรากเทียมจากมิตรประเทศในแถบเอเชีย เช่น เกาหลี ญี่ปุ่น ไต้หวัน และฟิลิปปินส์ โดยมีการลงนาม MOU เพื่อเชื่อมโยงและร่วมมือในการพัฒนาวิชาการทันตกรรมรากเทียมในกลุ่มประเทศเอเชีย นอกจากนี้ สมาคมฯ ยังได้ขยายความร่วมมือไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ได้แก่ ลาว พม่า กัมพูชา และเวียดนาม เพื่อส่งเสริมให้แต่ละประเทศก้าวสู่มาตรฐานระดับนานาชาติ และเพื่อให้ประชาชนในภูมิภาคได้รับบริการทันตกรรมรากเทียมที่มีคุณภาพ เพื่อสุขภาพช่องปากและคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้น

Ref: ประวัติเเละความเป็นมาสมาคมทันตกรรมรากเทียมแห่งประเทศไทย